Sunday, August 16, 2015

EQ

**คำเตือน อันนี้เป็นการสรุปหนังสือที่อ่าน ดังนั้นอาจจะไม่มีความต่อเนื่องในเนื้อหานะครับ

EQ คือการที่เราสามารถรับรู้และควบคุมอารมณ์ ไม่ให้เราเป็นฝ่ายที่ถูกอารมณ์ควบคุม

Emotional intelligence requires a balance between the emotional “feeling brain” and the rational “thinking brain.”

4 steps of EQ
-Self-awareness    เข้าใจตัวเอง
-Self-management  สร้างสมดุลระหว่าง อารมณ์และเหตุผล
-Social awareness เข้าใจสังคม
-Relationship management  บริหารความสัมพันธ์กับรอบตัว


ยากที่สุดก็คือข้อ1นี่แหละ


วิธีที่จะเพิ่ม EQ สองข้อแรก คือ การที่เราคุยกับตัวเองมากขึ้น ถามตัวเองบ่อยๆ
วิธีที่เราคิดเกี่ยวกับความสำเร็จและความล้มเหลว เป็นตัวจำกัดเรา

ตัวเราเองมักจะมีสองส่วนในความคิด คือ
conscious self กับ automatic self
เราทำอะไรที่แย่ ก็เพราะเราใช้ส่วนที่เป็น automatic self คิดหรือทำ

ต้องระวัง self serving bias
มันคือสิ่งที่บอกว่า เราดี เราถูก และสังคมหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวผิด (หรือโทษคนอื่นนั่นแหละ)

่นอกจากนี้ ความรู้สึกด้านลบ เช่น กลัว โกรธ เกลียด ไม่ชอบ อาจจะทำให้เรามีพฤติกรรมไปในทาง self-destructive behavior ได้

คนที่ยอมแพ้มี 2 ประเภท
1 พวกที่ไม่พยายามแก้ไข และคิดว่าปัญหาเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้
2 พวกที่พยายามแก้ไขหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนเบื่อหน่ายหมดกำลังใจที่จะแก้ไข

ถ้าอยู่ในข้อที่2 อาจจะต้องลองตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้จริงๆมากยิ่งขึ้น
เช่น อย่าเลิกบุหรี่ทันที แต่พยายามสูบให้น้อยลงเรื่อยๆ


เวลาเครียด
Change it
Leave it
Accept it

Monday, October 20, 2014

หนังสือที่อ่านจบ

หนังสือที่อ่านจบ


  • วิชา[ความคิด]ที่คุ้มค่าหน่วยกิตที่สุดในโลก (inGenius) โดย Tina Seelig
    (ระยะเวลาในการอ่าน 1 วัน) เช้า พักเที่ยง เย็น   20/10 /2014   - 148 บาท งานหนังสือแห่งชาติ

Tuesday, July 1, 2014

Midyear Review 2014


Mid-year Review 2014
(ตอนแรกเขียนไว้แบบนี้)
  1. (ผ่าน) สร้างวินัยในการตื่นนอน ด้วยการเมื่อตั้งนาฬิกาปลุกแล้ว จะไม่มีการกด Snooze เพื่อนอนต่ออีก 15 นาที 
  2. (ผ่าน) กินกาแฟหวานๆไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน (ถ้ากินมากกว่า1แก้ว ต้องแจ้งคนขายว่า หวานน้อย หรือ ไม่ใส่น้ำตาลเลย) 
  3. (ผ่าน) พยายามคิดหลายรอบให้ถ้วนถี่ก่อนซื้อของ  ทำ check list แล้วค่อยกลับไปซื้อ
  4. (ตก) อ่านหนังสือเล่มปรกติ สัปดาห์ละ1เล่ม (โดยเฉพาะหนังสือที่มีอยู่เต็มบ้าน)
  5. (ตก) นั่งสมาธิสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  6. (ตก) ลดน้ำหนักเหลือ 67 kg
  7. (น่าจะตก) สอบ CFA2 ให้ผ่านในเดือน มิถุนายน
  8. (ตก) ควบคุมรายจ่ายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้  
ถือว่า ผ่าน 3/8 นะ  แต่ว่า ผ่านมาครึ่งปี ก็ยังอยากย้อนกลับไปมองที่ผ่านมา
รวมถึงประเมินตัวเองอีกซักหน่อย อาจจะไม่เหมือนกับ resolution ที่ตั้งไว้ละกัน



-CFA II    สอบไป June 2014
         ไม่น่าจะผ่าน เพราะอ่านน้อย มี Emotional เข้ามาเยอะ
         - แต่สอบ single license ผ่านนะ 
- ออกกำลังกาย
         ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง (น้ำหนักอยู่ในช่วง 72-73 kg)
- เหล้า
         กินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
- อ่านหนังสือ
        อ่านน้อยมาก หมดเวลาไปกับการเดินทาง และ Social media เยอะ
- การประหยัด
        ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างเยอะ ไม่มีรายจ่ายก้อนใหญ่ๆเลย
         - ไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ 
         - ไม่ได้ซื้อ Gadget ชิ้นใหญ่ๆ
- ความคิด
        ได้ต้นแบบในทางที่ดี เป็นที่ปรึกษาได้หลายเรื่อง 
        - ได้มุมมองใหม่ๆมากขึ้น
        - แนวคิดเรื่องของ minimalist 
        - ได้ลองกิจกรรมใหม่ๆ
- การรู้จักเพื่อนใหม่  (นอกจากที่ทำงานใหม่)
        - รู้จักคนใหม่ๆน้อย ต้องเพิ่ม Network มากกว่านี้
- การทำงาน
         ยังไ่ม่เป็นที่น่าพอใจในผลงานของตัวเอง
- การลงทุน
         -ยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังหาแนวทางไม่เจอ
- ซื้อคอนโด ซ่อมบ้าน สร้างบ้าน
         - ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
            (เพื่อการลงทุน เพื่ออยู่อาศัย หรืออะไร)
         - (สืบเนื่องจากด้านบน) ยังเลือกทำเลไม่ได้

สรุป  ผ่านแค่ 3/10 



แถม งานอดิเรกใหม่
       ทดลองเลี้ยงต้นไม้น้ำ 
       - ผลลัพธ์   ตายไปหลายต้น เนื่องจาก แสงแดดไม่เพียงพอ อุณหภูมิสูงไป และ Cl สูง

     

Sunday, March 2, 2014

งบประมาณในการซื้อของสมัยนี้

เดี๋ยวนี้ในการซื้อของชิ้นใหญ่ทุกครั้ง
เช่น อยากซื้อ TV ใหม่ ราคา 15,000 บาท

เราอาจจะต้องเตรียมงบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 20% - 25% ไปเลยจะดีกว่า
เช่น 15,000 ก็จะต้องเตรียมงบประมาณถึง 18,000-19,000 บาท
เพราะอาจจะมีค่าใช้จ่ายแฝงเพิ่มเติมอยู่เสมอ
เช่น
ซื้อ TV ก็ต้องซื้อสายต่อ HDMI  ซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม แท่นวาง ฯลฯ
ซื้อ มือถือใหม่ ก็ต้องซื้อ กรอบ  ซองใหม่ แผ่นปิดหน้าจอ  Dock ใหม่  สาย charge เพิ่ม แท่นเพิ่ม appอีก
ซื้อ laptop ใหม่ ก็ต้องซื้อของเพิ่มอีกหลายอย่าง กระเป๋า mouse อุปกรณ์ port ต่างๆ Software
ไปกินอาหาร เห็นราคาบนเมนู  สุดท้ายก็ต้อง บวกค่าน้ำ ค่าVAT ค่า Service charge อยู่ดี
หรือแม้กระทั่งไปเที่ยว  ก็ต้องมีค่าเดินทางจุกจิก ค่าVISA  ค่าซื้อของฝาก Tip guide อะไรอีกมากมาย
ซื้อบ้าน ซื้อรถ ไม่ต้องพูดถึง งบประมาณบานปลายแน่ๆ

ดังนั้น   สมมุติว่า ตั้งใจว่ามีงบ  20,000 บาท   ก็อย่ามองเป้าหมายของ สินค้าที่ 20,000 บาท  อาจจะต้องมองสินค้าลงมาหน่อยที่ประมาณ 15000 - 16,500 เลยดีกว่า เพื่อสุดท้ายแล้ว งบประมาณไม่บานปลายเกิน 20,000 บาท ตามที่ตั้งใจไว้
หรือถ้า อยากได้ของราคา 20,000 บาท ก็ต้องทำใจและเตรียมงบจริงๆ  24,000 บาท ไปเลย จะได้อยู่ในงบแน่ๆ

ป.ล. สำหรับคนมีเงินเหลือพออยู่แล้ว  บนความนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้ครับ :-D

Friday, February 28, 2014

ชานมไข่มุก

ปรกติเวลาสั่งเครื่องดื่ม อย่างเช่น ชานมไข่มุก

มักจะมีแก้ว 2 ขนาด คือ    16 oz และ 22 oz ราคาก็มักจะต่างกัน 10บาท เช่น 35 และ 45 บาท

ส่วนใหญ่ ถ้าเป็นคนคิดละเอียด หรือ เป็นคนงก อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะคิดว่า
45/22 =   2.05  บาท/oz  แต่ 35/16 = 2.18 บาท/oz
อย่างนี้ก็คิดว่า ซื้อแก้วใหญ่คุ้มกว่า และ สั่งแก้วใหญ่

ซึ่งมันเป็นความคิดที่......... ผิด

เพราะจริงๆแล้ว  แม้ว่าเราจะซื้อได้ในต่อหน่วยมากกว่า
แต่เราต้องจ่ายเงินออกไปมากกว่า
หรือ คิดอีกมุมนึง  ยังไงเราก็จะต้องสั่ง1แก้ว ต่อคนเสมอ
เราจ่ายเงินเพิ่มขึ้น หมายถึงเราให้รายได้แก่ร้านค้าเพิ่มขึ้น
โดยอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น แต่ซื้อเพราะราคาต่อหน่วยถูกกว่า

ทั้งที่จริงๆแล้ว ไม่ว่าแก้วใหญ่ หรือ แก้วเล็ก เวลาเรากินหมด
เราก็ไม่ได้กลับไปซื้อเพิ่ม  เราก็กินแค่ 1 แก้วอยู่ดี

ยิ่งถ้ามองในมุมมองของร้านค้า ถ้าวันหนึ่งมีลูกค้าประมาณ 200 คน
ถ้าทุกคนสั่งแก้วใหญ่ หมด ยอดขายก็จะมากกว่า
จ่ายค่าเช่าที่ ค่าเงินเดิอนพนักงานได้มากกว่า
ถึงจุดคุ้นทุนไวกว่า แม้ว่าราคาขายต่อปริมาณจะน้อยกว่า ก็ตาม

ดังนั้น คราวหน้า ไม่ต้องสั่งแก้วใหญ่ก็ได้นะครับ


ป.ล. แล้วราคา starbucks เช่น
Iced americano   90/105/120 บาท   สำหรับขนาด Tall 12/ Grande 16/ Venti 20 oz
แล้วเราจะซื้ออ
ะไรดี?  อันนี้ผมเองก็ยังคิดไม่ตก ส่วนใหญ่ถ้าเป็นกาแฟสด
Tall = 2 shots   Grande = 3 shots    Venti = 4 shots

Monday, January 20, 2014

สลิ่ม 3 สี

สลิ่มจากการสังเกตมี 3 กลุ่ม ดังนี้


  • สลิ่ม Babyboom   เป็นสลิ่มยึดมั่นในอุดมการณ์ หรือความถูกต้อง  ส่วนใหญ่ร่วมชุมนุมเพราะคิดว่า ระบอบทักษิณทำให้สถาบันล่มจม ว่าร้าย พยายามล้มล้างสถาบัน หรือ เป็นต้นเหตุของความชั่ว เป็นต้นเหตุของความเลวร้ายต่างๆในปัจจุบัน ส่วนใหญ่รักใครชอบใครรักจริง  ชักจูงได้โดยการอ้างสถาบัน หรือกลุ่มที่มีความผูกพัน เช่น ชาวสีชมพูไม่เอาทรราช เหลือแดงต่อต้านคอรัปชั่น
  • สลิ่ม Gen-X ถึง Gen-Yตอนต้น เป็นคนวัยทำงานตอนต้นๆ สลิ่มมีการศึกษาที่สูง มักจะมีฐานะที่ดี มีอาชีพการงานที่ดี มีแนวโน้มที่จะซื่อสัตย์ รู้สึกว่า ทักษิณมันเลว โกงกินอย่างมากเกินไปจนรับไม่ได้ รู้สึกว่า รู้ทันทักษิณ ทักษิณมันโกง ชนะการเลือกตั้งมาอย่างไม่เป็นธรรม ซื้อเสียง ประชานิยม ฐานเสียงต่างจังหวัด คนต่างจังหวัดไม่พร้อม  ยอมรับการโกงบ้าง แต่รู้สึกว่า ทักษิณมันโกงมากเกินไป รู้ว่านักการเมืองโกงทั้งนั้น แต่โกงน้อยกว่า ก็พอรับไหว ยอมรับได้ 
  • สลิ่มยุค social media  เป็นคนรุ่นใหม่  กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น มีความคิดสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมในกิจกรรม ใช้ชีวิตอยู่ใน Social media มีความคิดสร้างสรรค์ มีความคิดเห็น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด บริโภคสื่อเยอะ เข้าร่วมกลุ่มได้อาจจะติดตามข่าวเยอะ แต่อาจจะรู้ประวัติศาสตร์ หรือ การเมืองการปกครองไม่มาก หรือ ผิวเผิน คิดว่าการแสดงออกแบบกลุ่ม กดlike หรือ share จะช่วยได้   


Sunday, January 19, 2014

optimistic

ตั้งใจไปออกกำลังกายแล้วปิดซ่อมพอดี

มองโลกแง่ร้าย   ซวยว่ะ ปีชง
มองโลกแง่ดี       ซ่อมซะที ต่อไปจะได้เล่นสบายๆ วันนี้ทำอย่างอื่นไปก่อน